Sun. Sep 29th, 2024

มดลูกอักเสบ เป็นอาการที่ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงอายุ 15 – 45 ปี พบบ่อยในช่วงหลังมีประจำเดือน ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและมีหลายสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ในแต่ละรายมีอาการที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากสงสัยว่า ตนเองเข้าข่ายเป็นโรคนี้สามารถเช็คอาการมดลูกอักเสบและเตรียมตัวเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันอาการลุกลามและภาวะแทรกซ้อน

เช็กอาการมดลูกอักเสบ

  1. ในคุณแม่หลังคลอด
  • ปวดท้องมาก ปวดแบบหน่วง ๆ ร่วมกับการปวดเกร็ง เป็นระยะ รู้สึกได้โดยไม่ต้องใช้มือกด
  • หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย ไม่ควรปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากอาการเริ่มลามไปถึงเยื่อบุช่องท้อง
  • มีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส หลังคลอด 24 ชั่วโมง
  • น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ในกรณีนี้ต้องสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย จึงจะสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเกิดการติดเชื้อ เพราะแบคทีเรียบางตัวที่ก่อให้เกิดโรคทำให้น้ำคาวปลาไม่มีกลิ่น และเป็นสีปกติ
  • ตกขาวมีกลิ่น
  • เสียชีวิต ในกรณีนี้พบได้น้อยมาก ซึ่งมีสาเหตุจากอาการมดลูกอักเสบอย่างรุนแรง เศษของเซลล์เนื้อที่ตายแล้วแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด จนเกิดฟองแก๊สอุดตันตามเส้นเลือด ในหัวใจและปอด
  1. พบได้ทั่วไปในผู้ที่มีภาวะมดลูกอักเสบ
  • ไข้สูง
  • กดเจ็บบริเวณท้องน้อยทั้ง 2 ข้าง (บางรายอาจเจ็บข้างเดียว)
  • ตกขาวมีกลิ่น มีสีเทาหรือขาวปริมาณมาก
  • ประจำเดือน น้ำคาวปลา มีกลิ่น
  • ตัวซีด
  • เกิดภาวะช็อก
  • มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือในช่วงไม่มีประจำเดือน
  • ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย หรือปวดขณะปัสสาวะ ในกรณีติดเชื้อหนองใน
  • ปวดบิดท้องเป็นพัก ๆ และมีเลือดออกจากช่องคลอด พบได้ในกรณีที่เกิดจากการทำแท้ง

การรักษาอาการมดลูกอักเสบ

  • รักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ภายใน 48 ชั่วโมง (โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์) หลังจากไข้ลดแพทย์จ่ายยาและรักษาตามอาการ เช่น ให้เลือด ให้น้ำเกลือ และสามารถกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านต่อได้ตามแพทย์เห็นสมควร
  • ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เช่น ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ คลื่นไส้อาเจียน ไข้ไม่ลด มีถุงหนอง หรือกำลังตั้งครรภ์ ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด และรับยาประเภทฉีด

ใครบ้างที่เสี่ยงมีอาการมดลูกอักเสบ

บุคคลที่เสี่ยงมีอาการมดลูกอักเสบมากที่สุด มีดังนี้

  • ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ชอบเที่ยว หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่อาจเป็นโรคหนองใน (Gonorrhea) และหนองในเทียม (Chamydia) หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
  • ผู้ที่คุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย Intrauterine Contraceptive Device เครื่องมือที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการใส่ หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐานและไม่สะอาด อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
  • ผู้มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีความเสี่ยงติดเชื้อในมดลูกสูง เนื่องจากมดลูกยังไม่แข็งแรง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน ในช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิงมดลูกจะอ่อนแอกว่าปกติ บริเวณปากมดลูกเปิดเพื่อให้เยื่อบุโพรงมดลูกและเลือดออกมา เนื่องจากบริเวณโพรงมดลูกอยู่ในช่วงหลุดลอก ทำให้เชื้อมีโอกาสเข้าไปในมดลูก และติดเชื้อได้ง่าย

การป้องกัน

หากไม่อยากเผชิญกับอาการมดลูกอักเสบควรเปลี่ยนกิจวัตร ดังต่อไปนี้

  1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นภายนอกที่ก่อให้เกิดอาการมดลูกอักเสบ

เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น น้ำยาสวนล้างช่องคลอด ผ้าอนามัยแบบสอด หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อป้องกันสภาวะในช่องคลอดเสียสมดุล

  1. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

มดลูกอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ก่อให้เกิดโรค โดยส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และหลีกการมีเพศสัมพันธ์กันผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหาร เป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลจากระบบภายใน เพื่อให้มดลูกแข็งแรงและอยู่ในสภาวะสมดุล หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีฮอร์โมนเพศหญิง อาจเพิ่มการอักเสบของมดลูก เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกตามมา

ข้อแนะนำ

ในระหว่างการรักษา ควรปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เพื่อให้กระบวนการรักษาเสร็จสิ้นโดยเร็ว

  • งดมีเพศสัมพันธ์ 3-4 สัปดาห์ หรือจนกว่ามดลูกจะฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง
  • ผู้ที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด ควรถอดห่วงออก และคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นแทน
  • หากเกิดการอักเสบอันเนื่องมาจากโรคหนองใน ต้องทำการรักษาผู้ที่เป็นพาหะด้วย
  • กินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง
  • ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะเอง เพราะยาที่ใช้อาจไม่ตรงกับเชื้อที่ติดและได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสม

อาการมดลูกอักเสบ มีหลายระดับตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นร้ายแรงถึงชีวิต ดังนั้นอย่าชะล่าใจคิดว่าไม่เป็นไร หากพบอาการผิดปกติใด ๆ ที่เข้าข่ายมดลูกอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนเชื้อลุกลาม

By beauty